วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

         

         ค่ายแจแปนเร้นท์ ผู้ให้บริการรถเช่า  เช่ารถกรุงเทพระยะยาวระบุผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกโตเกินเป้าจากที่วางไว้ทั้งปี คาดจนถึงสิ้นปีจะรักษาระดับการเติบโตที่ 5-7% พร้อมกวาดรายได้พันกว่าล้าน              
         นายนที วรรธนะโกวินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แจแปนเร้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาถือว่าเติบโตเกินเป้า หมายที่วางไว้ โดยวางการเติบโตไว้ที่ 5-7 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้โตนั้นมาจากการวางรากฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท ประกอบกับการมีจุดเด่นคือมีรถให้เช่าพร้อมพนักงานขับรถที่ผ่านหลักสูตร การอบรมการขับขี่ จากโรงเรียนสอนขับรถของบริษัทที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ
 ปัจจุบัน แจแปนเร้นท์ มีรถอยู่ในพอร์ตทั้งหมดกว่า 1,000 คัน ส่วนใหญ่จะเป็นรถญี่ปุ่น แต่ก็มีรถยุโรปให้เลือก รวมไปถึง รถยนต์ที่สามารถใช้พลังงานทางเลือกได้ คิดเป็น 10% ของรถประเภทอื่นๆ ส่วนอายุรถแต่ละคันที่นำมาให้ลูกค้าใช้บริการจะมีระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี ขณะที่สัดส่วนลูกค้าของแจแปนเร้นท์ มากกว่า 80% เป็นลูกค้าต่างชาติ อาทิ ญี่ปุ่น ,ยุโรป และสหรัฐอเมริกา และ20% เป็นลูกค้าคนไทย และมีรูปแบบการเช่าระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
           
นายนที กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของรถเช่า เช่ารถกรุงเทพ ที่ มีอายุเกิน 3 ปีก็จะส่งประมูลขาย เพื่อนำเม็ดเงินมาลงทุนใหม่ โดยในแต่ละปีจะใช้เงินซื้อรถใหม่เข้ามาในพอร์ตประมาณ 200 -300 ล้านบาท ส่วนรายได้ต่อปีจะอยู่ที่ประมาณร่วมพันล้านบาท ขณะที่มูลค่าตลาดรวมรถเช่า เช่ารถกรุงเทพนบาท โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มรถเช่าระยะยาว 75% และอีก 25% เป็นกลุ่มเช่าระยะสั้น 
          "แจแปนเร้นท์ มีศูนย์บริการให้เช่ารถยนต์ที่สำนักงานใหญ่ คลองเตย และที่ ชลบุรี ส่วนศูนย์บริการที่จะรองรับรถเมื่อเกิดปัญหานั้นสามารถเข้าโชว์รูมและศูนย์ บริการของรถยี่ห้อนั้นๆได้เลย ซึ่งรถของเรามากกว่า 70% เป็นของโตโยต้า ที่มีโชว์รูมและศูนย์บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ และแม้ว่าลูกค้าใหม่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่เรายังคงรักษาระดับปริมาณรถใน พอร์ตประมาณพันคัน และไม่มีแผนที่จะเพิ่มมากกว่านี้ เนื่องจากมองว่าต้องการให้บริการกับลูกค้าให้ได้มากที่สุด ประกอบกับผลการดำเนินงานที่เติบโตเฉลี่ย 5-7%ในแต่ละปีก็ถือว่าเป็นผลที่น่าพอใจอยู่แล้ว จึงดำเนินธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า  "
 ด้านภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจ
รถเช่า เช่ารถกรุงเทพใน ประเทศไทยนั้น ปัจจุบันตลาดเริ่มจะอิ่มตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการแข่งขันกันด้วยกลยุทธ์ด้านราคามากขึ้น ส่วนพฤติกรรมของผู้บริโภคก็ปรับเปลี่ยนโดยมีการสวิตซ์แบรนด์ คือ มีการสลับสับเปลี่ยนการใช้ โดยเมื่อหมดอายุสัญญาจากบริษัทหนึ่ง ก็จะเปลี่ยนไปใช้ของบริษัทหนึ่ง และก็อาจจะกลับมาใช้บริษัทเดิมที่เคยใช้ในครั้งแรกได้ 
 นอกจากนี้ปัจจัยด้านการขยายตัวของอุตสาหกรรมในประเทศไทยก็มีผลกับตลาดรถเช่า เช่ารถกรุงเทพ เนื่อง จากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติ โดยที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่า ผู้ประกอบการจากญี่ปุ่นจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในประเทศและส่งผลให้กับธุรกิจต่างๆ ขณะเดียวกันก็ต้องดูนโยบายของภาครัฐด้วยว่าจะมีอะไรมาสนับสนุนหรือจูงใจนัก ลงทุน 
          "ประเทศไทยมีความพร้อมหลายด้านสำหรับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ,ลักษณะทางกายภาพ ภูมิศาสตร์ ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนบ้าน อาทิ อินโดนีเซีย ที่แม้จะมีแนวโน้มเติบโตแต่ก็มีปัญหาทางด้านภัยธรรมชาติ แต่สิ่งที่เป็นห่วงของไทยคือ ปัจจัยด้านเสถียรภาพทางการเมือง"

ขอบคุณข้อมูลจาก รถเช่ากรุงเทพไทย.blogspot.com
และติดตามเรื่องราวของเราได้ที่ http://www.qualityrentacar.com/

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น