ตลาดรถเช่าระอุ (Car rent หรือ Car rental) ค่ายอินเตอร์แบรนด์ บัดเจ็ทกางแผนรุก ทุ่ม 1.2 พันล้านเพิ่มรถเข้ามาในพอร์ท 1.5 พันคัน เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง พร้อมต่อยอดธุรกิจด้วยการขยายไลน์ไปสู่รถมือสองและ คาร์แคร์ มั่นใจกลยุทธ์ปึ๊กดันยอดขายปี 56 กว่า 1 พันล้าน นายรณชัย จินวัฒนาภรณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เวิล์ดคลาส เรนท์ อะคาร์ จำกัด ผู้ให้บริการรถเช่าแบรนด์ “Budget”หรือบัดเจ็ท กล่าวว่าปัจจุบันธุรกิจรถเช่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง โดยมีมูลค่าตลาดรวม 1.8-2 ล้านบาท มีการเติบโตในแต่ละปีเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% และมีผู้เล่นในตลาดมากกว่า 100 ราย แบ่งออกเป็นผู้เล่นที่เป็นอินเตอร์แบรนด์ประมาณ 5 ราย ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนของธุรกิจรถเช่าในปัจจุบัน ประกอบไปด้วยธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโต รวมไปถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ และแนวทางของภาครัฐ “ธุรกิจของเราเติบโตตามการท่องเที่ยว ซึ่งในช่วงหลังๆนี้จะเห็นว่าสายการบินโลว์คอรส์มีจำนวนมาก และส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคหันไปนั่งเครื่องบิน และเช่ารถเพื่อท่องเที่ยวกันมากขึ้น ในส่วนของบัดเจ็ทครองส่วนแบ่งตลาดรถเช่าระยะสั้นเป็นอันดับ 1 หรือประมาณ 35%เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เป็นอินเตอร์แบรนด์ ส่วนในระยะยาวก็เช่นเดียวกัน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 40% ขณะที่ภาพรวมการให้บริการในปัจจุบันมีการให้บริการรถเช่ารถระยะยาว 60% และระยะสั้น 40% ด้านนายวันชัย ตั้งพานิชดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิล์ดคลาส เรนท์ อะคาร์ จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์เพื่อรับมือกับการแข่งขันและการเติบโตของธุรกิจรถเช่าของบัดเจ็ทคือการขยายสาขาเพิ่ม โดยจะเน้นเปิดตามสนามบินต่างๆล่าสุดเปิดที่จังหวัดตรัง และคาดว่าจะเพิ่มอีก 1-2 แห่ง ได้แก่ นครศรีธรรมราช ขณะที่สาขาปัจจุบันที่เปิดให้บริการมีจำนวน 24 แห่ง ส่วนกลยุทธ์ต่อมาคือการทุ่มงบประมาณราว 1-1.2 พันล้านบาทในการลงทุนซื้อรถใหม่จำนวน 1.5 พันคัน โดยหลักๆจะเป็นรถอีโคคาร์ และรถยนต์นั่งขนาดกลางเข้ามาในพอร์ท ส่งผลให้บัดเจ็ทมีรถให้บริการรวมกันกว่า 4 พันคันภายในสิ้นปีหน้า “จุดเด่นของเราคือมีรถใหม่ โดยเฉลี่ยการใช้งานของเราจะไม่เกิน 18 เดือน และมีรถทุกประเภทไว้รองรับ ไม่ว่าจะเป็นรถอีโคคาร์ –รถยนต์นั่งทั่วไป-รถปิคอัพ,รถตู้ รวมไปถึงรถหรูอย่าง อัลพาร์ด,สเตปวากอน หรือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมไปถึงรถพลังงานทางเลือกอย่างซีเอ็นจี และที่โดดเด่นอีกประการคือ รถตู้วีลแชร์ ที่รองรับผู้พิการและผู้สูงอายุทีเดินทางไม่สะดวก และยังมีรถตู้สำหรับขนส่งหรือย้ายของที่เรียกว่าบัดเจ็ทมูฟเวอร์ โดยสนนราคาเริ่มต้นของการเช่านั้นอยู่ที่ประมาณ 590 บาทต่อวัน ซึ่งถือเป็นราคาโปรโมชั่นที่จัดทำขึ้นพิเศษ” นายวันชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนงานเพิ่มเติมของบริษัทในปีนี้คือการขยายไลน์ธุรกิจไปสู่การเปิดจำหน่ายรถมือสอง ในชื่อ “คาร์ ดี ชัวร์ โอเค” และ คาร์แคร์ “แวกซ์ เวิลด์”ซึ่งตั้งใกล้กับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยการลงทุนธุรกิจดังกล่าวใช้งบประมาณราว 3-4 แสนบาท และจะขยายสาขาในส่วนของมือสองเพิ่มอีก 1 แห่งที่จังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้ “เรามีแผนงานที่จะขยายไลน์ธุรกิจหรือเพิ่มความแตกต่างในอนาคต รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรับเออีซี.ซึ่งตอนนี้มีการศึกษาถึงตลาดเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็น ลาว,พม่า,กัมพูชา และพบว่าธุรกิจรถเช่ามีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีอินเตอร์แบรนด์หลายค่ายที่เข้าไปรุกตลาดแล้ว ซึ่งเราที่ดูแลตลาดประเทศไทยก็ต้องศึกษาว่าจะรับมืออย่างไร เช่นเดียวกับการเข้าไปรุกในตลาดเพื่อนบ้านก็เป็นอีกแนวทางที่คิด นอกจากนั้นแล้วก็ต้องการฟื้นตลาดรถเช่ารถบรรทุก เนื่องจากธุรกิจการขนส่งในอนาคตจะมีมากขึ้น แต่ทั้งนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษา เพราะต้นทุนรถบรรทุกสูงกว่ารถทั่วไป และบริษัทต้องชูการบริการหลังการขาย หรืออาจจะเป็นการให้บริการพร้อมคนขับ นายรณชัย กล่าวว่า จากแผนงานรุกที่วางไว้ ทำให้คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีผลประกอบการ 870 ล้านบาทเติบโตจากปีที่ผ่านมา 11-12 % ส่วนผลกำไรเติบโตจากปีที่ผ่านมา 16% และวางเป้าหมายของปี 56 ไว้ที่รายได้ 1 พันล้านบาท เติบโต 12-15%
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น